แต่ละธนาคารจะมีข้อเสนอและเงื่อนไขแตกต่างกันไปเรามีไอเดียในการเลือกธนาคารให้ถูกใจก่อนกู้เงินซื้อบ้าน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ดูว่าธนาคารมีลักษณะของการคิดอัตราดอกเบี้ยในรูปแบบที่ต้องการหรือไม่ เช่น อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะเวลากู้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้นในช่วงแรกจากนั้นเป็นอัตราดอกเบี้ยลงตัว ฯลฯ จากนั้นจึงดูที่อัตราดอกเบี้ยว่าที่ใดสูงหรือต่ำกว่ากันเรื่องค่าใช้จ่ายในการกู้เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่ทางธนาคารจะเรียกเก็บ เช่น ค่าประเมินมูลค่าหลักประกัน ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ค่าธรรมเนียมการไถ่ถอนจำนองก่อนกำหนด
ธนาคารใดยอมให้กู้และให้กู้ในเงื่อนไขใดบ้างแต่ละธนาคารมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคุณสมบัติผู้กู้และปัจจัยอื่นๆ ที่แตกต่างกัน เช่น รายได้ของผู้กู้ธนาคารจะต้องคำนวณรายได้ต่อปีของผู้กู้และนำมาเปรียบเทียบกับวงเงินที่ขอกู้และพิจารณาว่าผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระตามหลักเกณฑ์ของธนาคารหรือไม่ ธนาคารอาจใช้มูลค่าบ้านจากราคาประเมิน ไม่ใช่ราคาจริงที่ซื้อขายเป็นหลักเกณฑ์ในการอนุมัติเงินกู้ ดังนั้น วงเงินกู้อาจจะไม่เพียงพอกับราคาบ้านที่ซื้อขายจริง นอกจากนี้ ธนาคารจะพิจารณาจากอายุของท่าน ถ้าอายุมากก็อาจให้ระยะเวลายืมสั้น เป็นต้น
ข้อควรระวัง กว่าที่จะทราบว่าท่านได้รับการอนุมัติให้กู้หรือไม่ คุณต้องทำเรื่องยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารไปแล้วในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นหากไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้หรือได้วงเงินกู้น้อยกว่าที่มีเงินดาวน์ คุณอาจไม่สามารถซื้อบ้านที่ต้องการได้และถูกยึดเงินมัดจำหรือเงินจองได้ ดังนั้นในการทำสัญญาจะซื้อจะขายควรขอเวลาในการชำระเงินเพื่อซื้อ อย่างน้อย 2 ถึง 3 เดือน เพื่อให้มีโอกาสในการยื่นเรื่องกับธนาคารที่สอง หรือไม่ก็ควรยื่นเรื่องขอสินเชื่อไว้กับหลายๆ ธนาคารทีเดียวพร้อมกัน แต่ทั้งนี้ท่านอาจจะเสียค่าธรรมเนียมยื่นกู้หรือค่าประเมินมูลค่าหลักประกัน โดยรวมประมาณ 2,000 ถึง 4,000 บาทต่อธนาคาร แต่ก็มีบางธนาคาร ซึ่งจะดูเรื่องการอนุมัติก่อนว่าให้หรือไม่ให้และให้เท่าใด แล้วจึงประเมินมูลค่าหลักประกัน คุณจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ก่อนที่จะทราบว่ากู้ได้หรือไม่